แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่องการขึ้นทรงราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ
รัฐบาลขอประกาศให้ประชาชนชาวไทยทั้งที่อยู่ในราชอาณาจักร และในต่างประเทศทั่วโลกทราบทั่วกันว่า บัดนี้ประเทศไทยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่แล้ว ตามคำกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงราชย์ของประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายกรัฐมนตรี และประธานศาลฎีกา ร่วมเป็นสักขีในพิธีประวัติศาสตร์นี้ และทรงพระกรุณารับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญ ดังที่ต่อมาได้มีประกาศสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อแจ้งประชาชนแล้ว การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ และโบราณราชประเพณีทุกประการ ทั้งสนองพระราชดำริสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่พระราชทานไว้ตั้งแต่แรกว่าในระหว่างที่พระองค์เองและประชาชนกำลังทุกข์โศกอย่างใหญ่หลวงจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ยังไม่ควรดำเนินการเรื่องการสืบราชสมบัติทันทีในขณะนั้น หากแต่ควรรอจนการบำเพ็ญพระราชกุศลและการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปถวายบังคมพระบรมศพผ่านพ้นไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งบัดนี้ถึงเวลาการบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารคือครบ ๕๐ วัน และประชาชนได้มีโอกาสเข้าถวายบังคมพระบรมศพแล้วนับล้านคน จึงขอพระราชทานพระราชานุญาตดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
อนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามโบราณราชประเพณี โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งยังสอดคล้องกับคตินิยมในนานาประเทศที่ว่า ราชอาณาจักรย่อมไม่ว่างเว้นขาดตอนจากการมีพระมหากษัตริย์ ดังนั้นการเริ่มรัชกาลใหม่จึงมีผลต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
ณ บัดนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงสถิตอยู่ในพระราชสถานะองค์พระรัชทายาทมาตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๑๕ นับเป็นเวลาถึง ๔๔ ปี จึงทรงเป็น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ส่วนการจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามโบราณราชขัตติยประเพณีที่เรียกว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัย ซึ่งมีพระราชดำริแล้วว่าควรดำเนินการเมื่อเสร็จสิ้นการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศแล้ว
พี่น้องประชาชนทั้งหลาย
ด้วยศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ผู้ทรงเป็นสมเด็จพระบรมชนกนาถได้ทรงวางไว้แล้วตลอดเวลา ๗๐ ปี จะเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง เมื่อประกอบเข้ากับความศรัทธาเชื่อมั่นและสัตยาธิษฐานที่มหาชนชาวสยามทุกรูปทุกนามพร้อมใจกันเปล่งวาจามาตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ และมากล่าวย้ำพร้อมกันอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อเช้าวันที่ ๒๒ พฤศจิกายนนี้ว่า จะทำดีเพื่อพ่อ จะจดจำคำของพ่อ จะขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป จะสืบสานพระบรมราชปณิธาน คิดดี พูดดี ทำดี ซื่อสัตย์สุจริต รู้รักสามัคคี และจะอยู่อย่างพอเพียง รัฐบาลเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นดุจปราการอันมั่นคง บนพื้นฐานอันแข็งแกร่ง ประการสำคัญคือ ด้วยพระบรมเดชานุภาพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีท่ามกลางความเพียรอันบริสุทธิ์ของเราทั้งหลาย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ทรงเป็นพระรัชทายาทที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนา และมีโอกาสโดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงงานในที่ต่างๆ มากว่า ๔๔ ปี บัดนี้ทรงเป็นพระประมุข เป็นศูนย์รวมใจไทยทั้งชาติ สืบสนองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถทรงเจริญรอยพระยุคลบาทของสมเด็จพระบรมราชบุพการีทั้งสองพระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ได้ทรงกระทำบำเพ็ญมาแล้วอย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ ดังนั้น แม้เราต่างก็รู้ว่าการพลัดพรากจากสิ่งที่รักและเคารพย่อมเป็นทุกข์ แม้การสูญเสีย ความวิปโยค จะเป็นวิกฤตที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เราทั้งหลายควรใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส แปลงความทุกข์โศกให้เป็นพลังของแผ่นดิน พลังที่แม้จะไม่มีพระผู้เป็นพลังของแผ่นดินทางพระรูปกายอยู่คุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อม แต่พลังของแผ่นดินยังจะมีอยู่ต่อไปด้วยพลังแห่งความศรัทธาเชื่อมั่น ในพระบรมราชปณิธานและศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ พระบรมราชปิโยรสเป็นผู้นำแทนพระองค์
พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งหลาย
ขอให้เราทุกคนจงร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน ขอพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระปิยมหากษัตริย์นักพัฒนา เป็นอาทิ ได้โปรดอภิบาลรักษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ให้ทรงพระเจริญ สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎรชาวไทย และประเทศไทย ให้สามารถพัฒนาจนประสบความสำเร็จ บังเกิดความเจริญรุ่งเรือง มีสันติสุขและความสามัคคีปรองดอง สมดังพระราชปณิธานปรารถนา ภายใต้การปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตราบกาลนานเทอญ