กมธ.องค์กรอิสระฯ วุฒิสภา จัดเสวนาแนวทางบูรณาการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต

คณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง แนวทางการบูรณาการแนวทางการบูรณาการความร่วมมือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

          วันที่ 21 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 นาฬิกา ณ ห้องสุวิทย์ศักดานนท์ ชั้น 5 อาคารทีเค 3 โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร คณะอนุกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ในคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง แนวทางการบูรณาการความร่วมมือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมี นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง กล่าวเปิดการสัมมนา และนายสุทนต์ กล้าการขาย เลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกัน และปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กล่าวรายงาน โดยมีผู้แทนจากองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครือข่ายภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 175 คน

          นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง กล่าวว่าหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นกลไกสำคัญต่อการดำเนินภารกิจของรัฐ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการที่กฎหมายกำหนดให้การจัดตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีความเป็นอิสระ ก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การปฏิบัติหน้าที่ได้ปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ ปลอดการแทรกแซง และส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรม นอกจากนี้ หากพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 221 มาตรา 224 และมาตรา 245 ที่ให้องค์กรอิสระต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หากพบการกระทำผิดอยู่ในอำนาจขององค์กรอื่น ต้องแจ้งให้องค์กรนั้นดำเนินการต่อไป ย่อมสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งส่งเสริมให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีความสามัคคี ร่วมมือช่วยเหลือกัน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละองค์กรบรรลุเป้าหมาย และมุ่งบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ 

          นายสุทนต์ กล้าการขาย ประธานคณะอนุกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้วางมาตรการทางกฎหมายและกำหนดบทบาทขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตให้ร่วมมือและช่วยเหลือกันในการควบคุมตรวจสอบการทุจริต และให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมีบทบาทร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในเชิงรุกมากขึ้น ประกอบกับการดำเนินภารกิจของคณะกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบและการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ซึ่งมีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการศึกษา ติดตามและตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และการตรวจสอบเรื่องการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานอื่น รวมทั้งแสวงหาแนวทางหรือกระบวนการ มาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ ซึ่งบทบาทการดำเนินงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวข้างต้น นับเป็นกลไกและกระบวนการสำคัญที่จะช่วยให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ รวมถึงส่งเสริมให้การดำเนินงานของคณะกรรมการผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระดับจังหวัด และการบริหารจัดการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในด้านต่าง ๆ เกิดประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ดังนั้น การจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การพัฒนาแนวทางการบูรณาการความร่วมมือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การสร้างเครือข่ายด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสื่อมวลชน และนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ เพื่อเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่ต่อไป

          นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ได้เยี่ยมชมบูธแสดงผลการดำเนินงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง 5 หน่วยงาน

          จากนั้นได้มีการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการความร่วมมือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) การผลักดันการดำเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงปัญหาและอุปสรรคของการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยมี ร้อยตำรวจเอก ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายภาณุวัฒน์ ทองสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายสุทนต์ กล้าการขาย ประธานคณะอนุกรรมาธิการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โดยมีนางสาวนลิน สิงหพุทธางกูร เป็นผู้ดำเนินการเสวนา

          ซึ่งการทุจริตที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ส่งผลให้ประเทศชาติสูญเสียงบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมหาศาล และกระทบสิทธิของประชาชน เพราะงบประมาณของประเทศชาติมาจากภาษี (เงิน) ของประชาชน ดังนั้น สังคมไทยควรร่วมกันส่งเสริม ยกย่องคนดีและคนสุจริต เสริมสร้างธรรมาภิบาลให้เข้าถึงประชาชน ประกอบกับหน่วยงานของรัฐจะต้องดำเนินการทางกฎหมายโดยยึดหลักนิติธรรม รวดเร็วและเป็นธรรม รวมถึงการแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษร้ายแรงในความผิดเกี่ยวกับการทุจริต และสิ่งสำคัญองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญควรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ควรมีระบบฐานข้อมูลกลาง เช่น Big Data ด้านการทุจริตเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน สำหรับการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ของประเทศไทย รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐจะต้องตระหนักและประกาศนโยบายการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

          ทั้งนี้ กิจกรรมในช่วงบ่าย ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันระดมความคิดเห็น (Focus Group) และนำเสนอแนวทางการบูรณาการความร่วมมือองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในเชิงรุก เพื่อให้การดำเนินงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น