ที่ประชุม สนช.ทูลเชิญพระบรมฯทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่
ที่ประชุม สนช. กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามกฏมณเฑียรบาล หลังที่ประชุมร่วม ครม.-คสช. แจ้ง
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 เวลาประมาณ 9.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานที่ประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี และ คสช. เพื่อพิจารณาวาระพิเศษ สืบเนื่องจากที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งนัดประชุม สนช. วาระพิเศษ เพื่อพิจารณาระเบียบวาระการประชุมตามที่จะได้รับแจ้งจากคณะรัฐมนตรี ในเวลา 11.00 น.
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถึงการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี และ คสช. ในวาระพิเศษ เกี่ยวกับการแต่งตั้งพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า "ใช่"
เมื่อถามว่า จะดำเนินกระบวนการอย่างไรต่อจากนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า "คาดว่าจะมีการเข้าเฝ้าภายใน 1-2 วัน"
ส่วน พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ได้พิจารณาวาระพิเศษดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุถึงกรณีนี้ว่า รอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลงเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำผลการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี และ คสช. วาระพิเศษ แจ้งแก่ประธาน สนช.
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ 'วิป สนช.' ได้เริ่มประชุมวาระพิเศษแบบลับแล้ว
ล่าสุด นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เปิดการประชุมวาระพิเศษ ดำเนินการตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ประกอบมาตรา 23 รัฐธรรมนูญปี 2550 ระบุว่า ตามที่ประกาศสำนักพระราชวังเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต บัดนี้นายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ นร. 0503/44549 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2559 เรื่อง แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 แจ้งว่า บัดนี้ราชบัลลังก์ว่างลง และพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลฯแล้ว คณะรัฐมนตรีจึงขอแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป
ตามที่ประชุม สนช. ทำหน้าที่รัฐสภา ได้รับทราบการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ขั้นตอนต่อไป จะได้นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนชาวไทยสืบไปตามบทบัญญัติของมาตรา 2 รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 ประกอบมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญปี 2550
“ในโอกาสอันเป็นมหามงคล ขอให้ท่านสมาชิก สนช. ยืนขึ้น เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่ ขอได้โปรดกล่าวคำถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่” นายพรเพชร กล่าว
หลังจากนั้นสมาชิก สนช. ได้ยืนขึ้นและกล่าวถวายพระพร “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” กึกก้องทั่วที่ประชุม
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 มาตรา 2 ระบุว่า มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ให้บทบัญญัติของหมวด ๒ พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ยังคงใช้บังคับต่อไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญนี้ และภายใต้บังคับมาตรา 43 วรรคหนึ่ง ที่ใดในบทบัญญัติดังกล่าวอ้างถึงรัฐสภาหรือประธานรัฐสภา ให้หมายถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญนี้ แล้วแต่กรณี
รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 23 ระบุว่า ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2467 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ
ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลง และเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้คณะองคมนตรี เสนอพระนามผู้สืบสันตติวงศ์ตามมาตรา 22 ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ในการนี้ จะเสนอพระนามพระราชธิดาก็ได้ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์ผู้สืบราชสันตติวงศ์ขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ
ในระหว่างที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ หรือสภาผู้แทนราษฎรถูกยุบ ให้วุฒิสภาทำหน้าที่รัฐสภาในการรับทราบตามวรรคหนึ่ง หรือให้ความเห็นชอบตามวรรคสอง
หมายเหตุ : ภาพข่าววีดีโอประกอบจาก Nation / สำนักข่าวอิศรา / มติชนออนไลน์