Last updated: 13 พ.ย. 2565 | 4360 จำนวนผู้เข้าชม |
ศาลฎีกาไม่รอลงอาญาจำคุก 1 ปี 8 เดือน อดีตนายก อบต.บางคูวัด กับพวกทุจริตประกวดราคาจัดซื้อที่ดินสร้างอาคารที่ทำการ อบต. งบ 17.6 ล้าน แต่ให้รอลงอาญาจำเลยที่ 8 และ 5 ซึ่งเป็นชาวบ้านที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์กับชาวนา ที่ไปเป็นคณะกรรมการประกวดราคา ไว้ 2 ปี และเพิ่มโทษปรับคนละ 5 หมื่น
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายวินัย หรือ พสิษฐ์ มะลิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางคูวัด อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี นายประชุม ดอกแย้ม, นายศุภฤกษ์ แก้วสิงห์, นายถาวร พงษ์กำเนิด, นายวสันต์ หันเอียง, นายนิวัฒน์ ม่วงนิ่ม, นางสาววิภารัตน์ ม่วงนิ่ม เเละนายสะอาด ทำคล่อง เป็นจำเลยที่ 1-8 (รวม 2 สำนวนพิจารณารวมกันเป็น 1 สำนวน)
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ เรื่อง ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 กรณี ทุจริตประกวดราคาในการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการ อบต.บางคูวัด ในวงเงิน 17.6 ล้านบาท
จำเลยทั้ง 8 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการ เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 80, 83 จำเลยที่ 5 เเละ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐมาตรา12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 86 จำเลยที่ 6, 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 86
การกระทำของจำเลยที่ 1-5 และที่ 8 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งบทหนักที่สุดมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษจำเลยที่ 1-4 ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต พยายามจัดการทรัพย์อันเป็นการเสียหาย ลงโทษจำเลยที่ 5 เเละ 8 ฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตพยายามจัดการทรัพย์อันเป็นการเสียหายเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 3 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 5-8 คนละ 2 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้ง 8 ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 5 เเละที่ 8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) พรบ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 42 มาตรา 12 ประกอบประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 86 จำเลยที่ 6, 7 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) ประกอบมาตรา 86
ลงโทษจำเลยที่ 1-4 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐร่วมกันกระทำการโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน
ลงโทษจำเลยที่ 5, 8 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐร่วมกันกระทำการโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ จำเลยที่ 6, 7 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต จัดการทรัพย์ จำคุกคนละ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน ลดโทษให้จำเลยทั้งแปดคนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คงจำคุกจำเลยที่ 1-4 คนละ 1 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 5-8 คนละ 1 ปี 1 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1, 3, 5, 8 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมเเล้วเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ จำเลยที่ 1, 3, 5, 8 เป็นความผิดสำเร็จแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1, 3, 5, 8ในปัญหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาวินิจฉัยข้อต่อไปตามฎีกาของจำเลยที่ จำเลยที่ 1, 3, 5, 8 สมควรรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นต้นคิดและต้นเหตุให้เกิดการกระทำความผิดในครั้งนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 และ 3 จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกาว่า ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน หรือมีเหตุอื่นตามฎีกา ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุก
ส่วนจำเลยที่ 5 และ 8 มิได้เป็นต้นคิดหรือต้นเหตุให้เกิดการกระทำความผิดในครั้งนี้ เหตุที่ร่วมเป็น คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาก็เพราะจำเลยที่ 1 แต่งตั้งในฐานะที่จำเลยที่ 5 และที่ 8 เป็นผู้แทนชุมชน จำเลยที่ 5 ไม่ได้รับการแต่งตั้งมาแต่ต้น แต่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2546 ซึ่งเป็นวันประกวดราคานั้นเอง และได้ความตามที่จำเลยที่ 5 ให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 3 ว่าจำเลยที่ 5 มีอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2546 ซึ่งเป็นวันประกวดราคา ขณะที่จำเลยที่ 5 อยู่ที่คิวรถจักรยานยนต์รับจ้างคิวกำนันตี๋ ก็มีเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางคูวัด มาแจ้งให้จำเลยที่ 5 ไปทำหน้าที่กรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา จำเลยที่ 5 ก็ไป สำหรับจำเลยที่ 8 มีอาชีพทำนา ขณะนี้อายุมากถึง 72 ปีแล้ว หลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 5 ถูกคุมขังมาแล้วเป็นเวลา 8 เดือน จำเลยที่ 8 ถูกคุมขังมาแล้วเป็นเวลา 1 เดือน 6 วัน เชื่อว่า จำเลยที่ 5-8 เข็ดหลาบมากแล้ว พฤติการณ์เกี่ยวกับการถูกคุมขังเปลี่ยนแปลงไปจากขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 5 เเละ 8 เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาส จำเลยที่ 5 เเละ 8 กลับตัวสักครั้ง โดยรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นสมควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
ฎีกาในปัญหาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 เเละ 3 ฟังไม่ขึ้นส่วนของจำเลยที่ 5 เเละ 8 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกจำเลยที่ 5 และที่ 8 ให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) นับแต่วันอ่าน คำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยที่ 5 และที่ 8 ฟัง ให้ปรับจำเลยที่ 5 และที่ 8 คนละ 1 เเสนบาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงปรับจำเลยที่ 5 เเละ 8 คนละ 5 หมื่นบาท จำเลยคนใดไม่ชำระ ค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์