Last updated: 21 มี.ค. 2563 | 5581 จำนวนผู้เข้าชม |
นายกฯเยอรมัน ปลุกประชาชนสู้โควิด-19 อธิบายความจริงของสถานการณ์และความท้าทายครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ได้มีการแชร์บทความแปลคำปราศรัย ของ นางอังเกลา โดโรเทอา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ซึ่งแปลโดย ธีรภัทร เจริญสุข คอลัมนิสต์ชื่อดัง โดยคำปราศรัยดังกล่าวนั้น เป็นคำปราศรัยที่นายกรัฐมนตรีเยอรมัน กล่าวกับประชาชน เพื่อแจ้งสถานการณ์ โควิด-19 ภายในประเทศ มีใจความ ดังนี้
ประชาชนที่รัก
โคโรน่าไวรัสได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปอย่างมาก ความเข้าใจในสภาวะปกติของชีวิตประจำวัน ของการอยู่ร่วมกันในสังคม กำลังถูกทดสอบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกท่านนับล้านคนไปทำงานไม่ได้ ลูกหลานไปโรงเรียนหรือสถานอนุบาลไม่ได้ โรงภาพยนตร์ โรงละคร และร้านค้าต่างปิดตัวไป และสิ่งที่อาจจะลำบากยากเย็นที่สุดคือ เราจะไม่ได้พบหน้ากันอย่างที่ควรจะเป็นตามปกติ
แน่นอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เราทุกคนล้วนกังวลสงสัยว่า "จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป" ข้าพเจ้าจึงได้มาพบกับทุกท่านในวันนี้ เพราะข้าพเจ้าประสงค์จะบอกกล่าวต่อท่านว่า ในฐานะนายกฯ และเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าทุกคนในรัฐบาลสหพันธรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้
นี่คือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่เปิดกว้างของเรา ที่เราจะทำให้การตัดสินใจทางการเมืองโปร่งใส และอธิบายต่อประชาชน ว่าเราจะสร้างการสื่อสารการลงมือทำของเราให้ดีที่สุดสุดกำลังของเรา
ให้ทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่ง มีความสัมพันธ์ร่วมกัน
ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างหนักแน่นว่า เราจะจัดการงานครั้งนี้ได้สำเร็จ หากประชาชนทุกคน มองว่าเป็นหน้าที่ร่วมกันของพวกเรา ดังนั้น ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวย้ำอีกครั้งว่า
"นี่เป็นเรื่องจริงจัง โปรดได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เช่นกัน"
นับแต่การรวมชาติเยอรมัน ไม่สิ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ไม่เคยมีความท้าทายใดจะคุกคามประเทศของเราได้มากขนาดนี้ ซึ่งทำให้เราต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ข้าพเจ้าขออธิบายสถานการณ์ของโรคระบาดในประเทศของเราในปัจจุบัน และสิ่งที่รัฐบาลสหพันธ์และรัฐบาลแห่งแคว้นได้กำลังลงมือทำอยู่ เพื่อปกป้องทุกคนในชุมชนของเรา เพื่อลดความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
แต่ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะบอกต่อท่านถึงเหตุผล ว่าทำไมความช่วยเหลือของท่านจึงจำเป็น และบอกถึงสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยเหลือกันได้ในยามโรคระบาดเช่นนี้ ข้อมูลของข้าพเจ้าได้มาจากคำปรึกษาของรัฐบาลกลาง ร่วมกับสถาบันโรแบร์ต คอช นักวิทยาศาสตร์และนักไวรัสวิทยา
การวิจัยอย่างเข้มข้นกำลังดำเนินไปทั่วโลก แต่ในตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาหรือวัคซีนที่จะต่อสู้กับโคโรน่าไวรัสนี้ได้ ดังนั้น ตราบที่ยังเป็นอย่างนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้ และเป็นแนวทางปฏิบัติของพวกเราทั้งหมด คือ
"การชะลอการระบาดของไวรัส"
เพื่อถ่วงเวลาให้ยาวนานข้ามวันเดือน และเอาชนะด้วยเวลา เวลาที่วิทยาศาสตร์จะพัฒนายาและวัคซีน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลา เวลาที่จะให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและหายดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เยอรมนีมีระบบการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อาจจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งนำความเชื่อมั่นมาให้เรา แต่เมื่อโรงพยาบาลของเราเต็มล้น หากในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมากเกินไป
ผู้ป่วยที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขสถิติ แต่คือคุณพ่อ คุณปู่ คุณตา คุณแม่ คุณย่า คุณยาย คนรักของเรา พวกเขาคือผู้คน และเราคือชุมชนที่อยู่ร่วมกัน ซึ่งทุกชีวิต ทุกคน มีคุณค่า มีความหมาย
ในโอกาสนี้ อันดับแรก ข้าพเจ้าอยากจะขอกล่าวถึง เหล่าแพทย์ พยาบาล ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและบุคลากรที่ทำงานสาธารณสุขทุกท่าน ผู้ยืนอยู่ในแนวหน้า พวกท่านได้พบกับผู้ป่วย พบความรุนแรงของการติดเชื้อ และเช้าวันรุ่งขึ้น พวกท่านก็ยังต้องไปทำงานอีก สำหรับผู้คนแล้ว สิ่งที่ท่านทำนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณจากใจจริง
เป้าหมายของเราคือ การถ่วงเวลาที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วเยอรมนี เราจึงจำเป็นต้องลดการใช้ชีวิตนอกบ้านให้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ให้ประเทศของเราดำเนินงานต่อไปได้ ทรัพยากรในการดำรงชีพ ต้องรับประกันว่าจะมีเพียงพอ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามปกติให้มากที่สุด
แต่สิ่งใดที่จะเป็นภัยต่อผู้คนจำนวนมาก สิ่งที่จะก่อความเสียหายต่อบุคคลหรือชุมชน เราต้องลดลงตั้งแต่บัดนี้ เราต้องลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ผู้อื่นให้เหลือน้อยที่สุด ข้าพเจ้าทราบดีว่า มาตรการนี้ยากลำบากเพียงใด ไม่มีงานกิจกรรม ไม่มีงานออกร้านค้าขาย ไม่มีคอนเสิร์ต
และในตอนนี้ ไม่มีการไปโรงเรียน ไม่มีการไปมหาวิทยาลัย ไม่มีการไปสถานอนุบาล ไม่มีการละเล่นในสนามเด็กเล่น ข้าพเจ้าทราบว่าการปิดทุกอย่างดังกล่าวมา ซึ่งรัฐบาลกลางและรัฐบาลแคว้นเห็นพ้องต้องกัน นั้นได้แทรกแซงชีวิตและความเป็นประชาธิปไตยของเรา
เป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในสาธารณรัฐของเรา
แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า สำหรับข้าพเจ้าที่ได้ต่อสู้อย่างหนักหน่วงมายาวนาน เพื่อให้ได้เสรีภาพในการเดินทางและเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่ การจำกัดสิทธินี้เป็นเพียงมาตรการในสถานการณ์จำเพาะอย่างยิ่ง ในระบอบประชาธิปไตยที่เราไม่พึงกระทำการตามอำเภอใจ และจะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น
เพราะในเวลานี้ เป็นวิธีที่ขาดไม่ได้ในการรักษาชีวิตคน ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ การตรวจคนเข้าเมืองบริเวณพรมแดนและการจำกัดการเข้าเมืองจะมีผลบังคับใช้ สำหรับทางด้านเศรษฐกิจ บริษัทใหญ่และเล็ก ร้านค้า ร้านอาหาร คนทำงานอิสระ เป็นเรื่องยากลำบากที่จะดำเนินการต่อไป และในสัปดาห์หน้า จะยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าขอรับรองว่า รัฐบาลของเราจะทำงานอย่างสุดกำลังเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาตำแหน่งงาน เราสามารถและจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและคนทำงานในการทดสอบที่ยากลำบากนี้ และทุกคนจะมีอาหารอย่างเพียงพอในทุกเวลา หากชั้นวางสินค้าว่างเปล่าลง จะถูกเติมให้เต็ม
สำหรับผู้ที่กำลังซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า การเก็บตุนเสบียงเป็นเรื่องสำคัญ แต่การกักตุนไว้เป็นจำนวนมากนั้นไม่พึงเกิดขึ้น การกักตุนเกินต้องการนั้นไร้ประโยชน์ และเป็นสิ่งแสดงถึงการขาดจิตสำนึกร่วมอย่างร้ายแรง
และข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ เหล่าบุคคลที่ได้รับคำขอบคุณน้อยครั้งนัก เหล่าผู้ที่นั่งอยู่หลังเครื่องเก็บเงินของร้านค้า เหล่าผู้ที่เติมสินค้าให้ชั้นวางของ พวกท่านได้ทำงานที่สำคัญและยากลำบากที่สุดงานหนึ่งในเวลานี้ ขอขอบพระคุณประชาชนทุกท่านที่ทำงานให้ร้านค้าทั้งหลายยังเปิดอยู่ได้
ต่อจากนี้เป็นเรื่องด่วนที่สุดสำหรับข้าพเจ้า มาตรการทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการ ล้วนมีจุดประสงค์
หากเราไม่ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัส คือพวกเราทุกคน เราทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสได้อย่างเท่าเทียมไม่แตกต่างกัน ดังนั้นเราต้องช่วยกัน
อันดับแรก เราจึงต้องจริงจัง แต่ไม่ตื่นตระหนก ไม่โทษกันเองว่าไม่ทำตามบทบาท เพราะทุกคนนั้นขาดไปไม่ได้ ทุกคนล้วนสำคัญ ต้องอาศัยความพยายามของพวกเราทุกคนไปพร้อมกัน โรคระบาดครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า เราอ่อนแอเปราะบางแค่ไหน เราต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นมากเพียงใด
แต่ก็เป็นโอกาสให้เราป้องกันตัวเองและคุ้มครองผู้อื่น สร้างความเข้มแข็งร่วมกัน ทุกคนมีความสำคัญ เราต้องไม่ถูกประณามว่ารับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างเฉื่อยชา เรามีวิธีแก้ไขรักษา แม้เราจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน
ข้อแนะนำของนักไวรัสวิทยานั้นชัดเจน ไม่จับมือ ล้างทำความสะอาดมืออย่างสม่ำเสมอ อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร งดเว้นการติดต่อกับผู้อาวุโส เพราะพวกท่านมีความเสี่ยงสูงสุด
ข้าพเจ้าทราบดีว่ามาตรการดังกล่าวนั้นยากลำบากยิ่งนัก โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่กดดัน เรายิ่งอยากอยู่ร่วมกันใกล้ชิด อยากดูแลกันอย่างชิดใกล้ แต่ในเวลานี้ น่าเสียดายที่การทำตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ถูกต้องกว่า เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ การห่างไกลกันคือการแสดงความห่วงใย การเยี่ยมเยือน การเดินทางที่ไม่จำเป็น ล้วนแล้วแต่อาจทำให้ติดเชื้อได้ และไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้ และนี่คือเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปู่ย่าตายายและหลานๆ ยังไม่ควรเจอกัน
ผู้ที่หลีกเลี่ยงการพบปะโดยไม่จำเป็น จะช่วยเหล่าผู้คนที่ยังทำงานในโรงพยาบาล ที่กำลังดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน นี่คือวิธีที่เราจะช่วยรักษาชีวิตคนได้ เป็นเรื่องยาก ที่จะไม่ทิ้งใครให้อยู่เพียงลำพัง ที่จะดูแลคนที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแล ในฐานะครอบครัวและสังคม เราจะหาทางร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ในตอนนี้ได้มีวิธีการมากมายที่สร้างสรรค์ เพื่อต่อสู้กับไวรัสและผลกระทบทางสังคม มีเหล่าหลานๆ ที่บบันทึกพ็อดแคสต์ส่งให้ปู่ย่าตายายของพวกเขาได้ฟัง ให้รู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ตามลำพัง
เราทุกคน จะหาทางแสดงความรักและมิตรภาพ สไกป์ โทรศัพท์ อีเมล หรือแม้แต่กลับมาเขียนจดหมายกันอีกครั้ง จดหมายไปรษณีย์ทั้งหมดจะได้รับการส่งถึงอย่างแน่นอน มีข่าวเล่าถึงการช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่สูงอายุ ซึ่งไม่สามารถออกไปซื้อของได้ด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าแน่ใจว่าจะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก!
เราจะแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นสังคม เราจะไม่ทิ้งให้ใครอยู่เพียงลำพังคนเดียว ข้าพเจ้าร้องขอต่อท่านว่า โปรดจงได้เคารพกฎที่กำลังจะออกมาต่อจากนี้ เรา ในฐานะรัฐบาล จะตรวจสอบแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเราจะทบทวนตอบสนองมาตรการต่างๆ เพื่อให้ทำงานได้ในทุกเวลา และแน่นอนว่า เราจะอธิบายให้ทุกท่านรับทราบในทันที
ด้วยเหตุฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงขอย้ำต่อท่านว่า "อย่าหลงเชื่อข่าวลือใดๆ!" นอกจากข่าวสารจากทางการ ซึ่งเราจะแปลออกเป็นหลายภาษา เราเป็นชาติประชาธิปไตย เราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างถูกบังคับ แต่อยู่ได้โดยการแบ่งปันข้อมูลความรู้และความร่วมมือกัน
นี่คืองานชิ้นประวัติศาสตร์ และจะสำเร็จลงได้ด้วยการร่วมมือกัน ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า
เราจะข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แต่ด้วยผู้เสียหายจำนวนเท่าใด? เราต้องเสียคนที่เรารักไปมากเท่าใด? คำตอบนั้นอยู่ที่สองมือของเราลงมือทำ
ในตอนนี้ เราจะร่วมคิด ร่วมทำ ไปร่วมกัน เราสามารถยินยอมรับข้อจำกัดต่างๆ แล้วเผชิญหน้าไปพร้อมกัน สถานการณ์ตอนนี้หนักหนา แต่ก็ยังเปิดกว้าง หมายความว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวินัยของทุกคนที่จะปฏิบัติตามกฎและดำเนินการให้สอดคล้องกัน
แม้ว่าเรายังไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เราจะกระทำอย่างจริงใจและมีเหตุผล เพื่อที่จะรักษาชีวิตผู้คนไว้ โดยไม่มีข้อยกเว้น ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน และเราทุกๆ คน ได้โปรดดูแลตัวเองและคนที่ท่านรัก
ข้าพเจ้าขอขอบคุณ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Facebook.com/Theerapat Charoensuk