Last updated: 22 พ.ย. 2562 | 2404 จำนวนผู้เข้าชม |
เครือข่ายลดอุบัติเหตุ สสส.และภาคี หนุนขับขี่ปลอดภัย เร่งสร้างกระแสชวน “ฝึกก่อนใช้ปลอดภัยกว่า” เผยปัจจุบันมีรถจดทะเบียนทั่วประเทศกว่า 38 ล้านคัน มอเตอร์ไซค์ 20 กว่าล้านคันและเกิดเหตุสูงสุด ย้ำขับขี่ต้องมีทักษะและวินัย หวังลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ที่ โรงแรมดิเอ็มเพรสเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ : สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ) สำนักงานกองทุนสนับสนับการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย สมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ เครือข่ายบรรณาธิการ 17 จังหวัดภาคเหนือ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จัดประชมขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ สร้างกระแส ร่วมวิเคราะห์ ค้นหาปัญหาและวางแผนแก้ไข ผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม โดยมีแกนนำผู้บริหาร ได้แก่ นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ นายชัชวาลย์ คำไท้ คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ผู้แทนบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจำกัด นายวิริยา ธรรมเรืองทอง นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย นายสุทนต์ กล้าการขาย นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด นายอนันท์ ดวงอินต๊ะ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย สมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ นายอาทิตย์ แสงสว่าง ประธานเครือข่ายบรรณาธิการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมให้ข้อมูลและแนวทางการสื่อสารเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก จัดอันดับการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยลดลงมาอยู่ที่อันดับ 9 ของโลกจากอันดับ 2 ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตตามการคาดการณ์ยังคงสูงถึง 22,491 ต่อปี ขณะที่กรมการขนส่งทางบกระบุว่าจำนวนรถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศจนถึงปัจจุบันกว่า 38 ล้านคัน เป็นรถจักรยานยนต์ 20 กว่าล้านคัน มีใบอนุญาตขับขี่เพียง 13 กว่าล้านใบเท่านั้น ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์ ซึ่งที่ผ่านมาการขับขี่รถมอเตอร์ไซต์มักใช้วิธีฝึกกันเอง แบบพี่สอนน้อง พ่อสอนลูก และไม่มีใบขับขี่ ทำให้ขาดทักษะที่ถูกต้อง รวมทั้งความรู้ด้านกฎหมายจึงทำให้ความสูญเสียที่เกิดจากรถมอเตอร์ไซต์ตั้งแต่รถแบบครอบครัวไปจนถึงรถขนาดใหญ่ เช่น บิ๊กไบท์ เป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศไทย
นายพรหมมินทร์ กล่าวต่อว่า การแก้ไขระดับหนึ่งคือการสื่อสารผ่านสื่อมวลชน ชวนผู้ขับขี่เข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาทักษะความรู้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะ 4 ค่ายใหญ่ที่ขายรถมอเตอร์ไซต์ ก็ได้มีสนามฝึก รองรับการพัฒนาทักษะด้านการใช้มอเตอร์ไซต์อย่างปลอดภัย เชื่อว่าการฝึกขับขี่ที่มีทักษะมากพอ จะสามารถช่วยปกป้องชีวิตได้ รวมทั้งลดความสูญเสีย ลดผลกระทบที่มีต่อสังคมได้ในที่สุด สื่อมวลชนต้องช่วยส่งสัญญาณไปยังภาครัฐ ระดับนโยบายวิเคราะห์ส่วนขาด อยากเห็นสื่อช่วยส่งต่อจุดเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง ไปยังกลไกแก้ไขระดับพื้นที่ เพื่อจัดการปัญหา และสร้างกระแส กระตุ้นเตือนคนไทย ให้เกิดความระมัดระวัง มีจิตสำนึกความปลอดภัยมากขึ้น
นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)
นายอารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าได้รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยและเผยแพร่ความรู้มาอย่างต่อเนื่อง แบบครบวงจร ภายใต้โครงการ Safety Thailand ทั้งการพัฒนาหลักสูตรขับขี่ปลอดภัยที่เหมาะสมกับสภาพจราจรในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการผลิตครูฝึกขับขี่ปลอดภัย เพื่อถ่ายทอดความรู้ ให้กับประชาชนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีแนวคิดที่จะผลักดันความรู้ ด้านขับขี่ปลอดภัยขยายออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องมีวิทยากรเผยแพร่ความรู้ด้านความปลอดภัยเป็นจำนวนมาก และต้องกระจายไปในสาขาวิชาชีพต่างๆ จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยที่มีอุปกรณ์การสอนครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว จึงได้ตัดสินใจสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าขึ้นในปี พ.ศ. 2537 จนปัจจุบันศูนย์อบรมขับขี่ปลอดภัย มีจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ เชียงใหม่ และภูเก็ต เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมถึงปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 34,239 คน ด้วยหลักสูตรการขับขี่ที่ได้มาตรฐานระดับสากล จะมีการสอนตั้งแต่ระดับที่ขับรถไม่เป็นมาก่อนไปจนถึงระดับการพัฒนาทักษะเฉพาะ เช่น การฝึกใช้เบรค ทางโค้ง ลูกระนาด การทรงตัวฯ ทั้งนี้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่คนใช้มากและเข้าถึงได้ง่าย ผู้ขับขี่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกทักษะความรู้ กฎระเบียบวินัยจราจร เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่อาจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ผู้สนใจที่ฝึกพัฒนาทักษะขับขี่ปลอดภัย สามารถเข้าไปดูรายละเอียด ข้อมูลได้ที่เว็บไซต์
นายสุทนต์ กล้าการขาย นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด กล่าวว่าอุบัติเหตุทางถนนเป็นความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจไทย อุบัติเหตุทางถนนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ประสบภัยเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความสูญเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยโดยรวมอย่างมหาศาล เพราะการเสียชีวิตจากและบาดเจ็บทั้งทางกายและใจจากอุบัติเหตุ ทำให้ผู้ประสบภัยและครอบครัวสูญเสียผลิตภาพ ส่งผลต่อต้นทุนผลิตภาพโดยรวมของประเทศ แม้ว่าอุบัติเหตุทางถนนก่อเกิดความสูญเสียที่มีมูลค่ามหาศาล คนไทยจำนวนมากก็ยังขาดความตระหนักรู้ถึงภัยจากอุบัติเหตุทางถนนต่อตนเองและสังคมโดยรวม ทำให้พฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน ดังนั้น การรณรงค์ด้านปัญหาความปลอดภัยทางถนนจึงเป็นสิ่งที่ควรจะทำอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการปลูกฝังจิตสำนึกและระเบียบวินัยในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด ซึ่งจะช่วยปรับพฤติกรรมการขับขี่ของคนอีกด้วย
นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด เปิดเผยว่าตามที่สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเป็นองค์กรขับเคลื่อนการสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก ในการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนเผยแพร่สู่สาธารณะ ระหว่าง สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) สมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 โดยมีข้อตกลงร่วมนำเสนอข้อมูลข่าวสารกระจายสู่ประชาชนผ่านการสื่อสารสาธารณะในทุกช่องทางคลอบคลุมทุกพื้นที่ตลอดจนสร้างกระแสความปลอดภัยทางถนน ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ เสียชีวิต ความพิการและลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ในปี 2562 - 2563 จะจัดประชุมขับเคลื่อนสื่อสารประชาสัมพันธ์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์ขับเคลื่อนนโยบายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน โดยในครั้งนี้สมาคมสื่อช่อสะอาด ได้นำสมาชิกเข้าร่วมจำนวน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวม 17 คน ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา ลำพูน แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พิษณุโลก อุตรดิสถ์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย ตาก พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ และอุทัยธานี
เอกสารประกอบการประชุม