Last updated: 4 ส.ค. 2565 | 3001 จำนวนผู้เข้าชม |
"...นายบัวลา ทัศไพร จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม มาตรา 149, 151 ประกอบมาตรา 83, 161 ประกอบมาตรา 83, 162(1) (4) ประกอบ มาตรา 83, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 มาตรา 267 วรรคสอง เป็นความผิดหลาย กรรมต่างกัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี..."
กรณีการทุจริตเรียกรับเงินและแก้ไขเปลี่ยนแปลงผลคะแนนเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครสอบบางรายให้เป็นผู้สอบได้ในการสอบแข่งขันบุคคลเพื่อบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม พ.ศ.2557 นั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เป็นคดีทุจริตใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสาน ศาลมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยจำนวนมากนับสิบราย บทลงโทษจำคุกนับร้อยนับสิบปี
โดยก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลคำพิพากษาศาลที่ติดสินลงโทษผู้เกี่ยวข้องจำนวน 3 กลุ่ม มาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้วดังนี้
กลุ่มหนึ่ง : เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 พิพากษาลงโทษจำคุก กลุ่มนายวรวิทย์ ปักกาโล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม และพวก จำนวนนับสิบราย ที่นายวรวิทย์ ปักกาโล และนายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดนโทษจำคุก คนละ 140 ปี แต่ติดจริง 50 ปี
กลุ่มสอง : เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก ในส่วนของกลุ่ม นายทองใบ บาระพรม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ลาดพัฒนา อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม และพวก จำนวน 28 ราย โดย นายทองใบ บาระพรม อดีตนายก อบต. ลาดพัฒนา ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 21 ปี 6 เดือน , นายสมคิด มะธิปะโน จำเลยที่ 2 ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคม จ.กาฬสินธุ์ ถูกศาลตัดสินลงโทษ จำคุก 10 ปี , นายสิทธิ์ พิพัฒน์ชัยกร อดีตนายอำเภอเมืองมหาสารคาม ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก เป็นเวลา 4 ปี 4 เดือน
กลุ่มที่สาม : เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาลงโทษ นายรัชพล ณะโธสง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุง อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม และพวกรวมจำนวน 20 ราย โดยจำเลยคนสำคัญอย่าง นายรัชพล ณะโธสง ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 100 ปี แต่ติดจริง 50 ปี ขณะที่นายสมบูรณ์ นาเพีย อดีตนายก อบต.เขวาไร่ อ.นาเชือก ถูกตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน และนับโทษต่อจากคดีอื่นด้วย
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ผลคดีกล่าวหา นายบัวลา ทัศไพร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนงัว อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม กับพวก 24 ราย ในคดีเรียกรับเงินจากผู้เข้าสอบและทุจริตในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลของ อบต.ดอนงัว
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 151, 157, 161, 162 (1) ,(4) , 264 , 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 86 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) มาตรา 123/1 ประกอบพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 193
รายชื่อผู้ถูกกล่าวหา มีจำนวน 25 ราย ได้แก่
1.นายบัวลา ทัศไพร จำเลยที่ 1 (นายก อบต.ดอนงัว อำเภอบรบือ มหาสารคาม)
2.นางณัฐฐาภรณ์ สุวรรณหาร จำเลยที่ 2 (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์)
3.น.ส.สุอาภา เพชรเสนา จำเลยที่ 3
4.น.ส.ฐิติฬภัทร หรือ จริยา คำหงษา จำเลยที่ 4
5.นายประจักษ์จิต ตรีเนตร จำเลยที่ 5
6.นายรุจเรศ พรมขรยางค์ จำเลยที่ 6
7.น.ส.ปภาวดี ร่มเย็น จำเลยที่ 7
8.นายวิระศักดิ์ พิมโยธา จำเลยที่ 8
9.นายนุกูล เทวิพันธ์ จำเลยที่ 9
10.นางรินทร์รดา หรือ อรินทร์ดา ทองใบ จำเลยที่ 10
11.น.ส.จงรักษ์ กุณเฮง จำเลยที่ 11
12.นายณัฐวุตธ หรือณัฐวุธ วุฒิพันธ์ จำเลยที่ 12
13.นายไพโรจน์ จันทร์ลาด จำเลยที่ 13
14.น.ส.พันธิวา สอนศักดา จำเลยที่ 14
15.นายธีรวัฒน์ หรือ ธีระวัฒน์ ลอยนอก จำเลยที่ 15
16.นางลักษณ์พร ทิพยจันทร์ หรือทิพย์จันทร์ จำเลยที่ 16
17.นายทรงเดช เพชรกอง จำเลยที่ 17 (ปลัดอบต.ดอนงัว )
18.นายขจรกิตต์ แดนประกรณ์ จำเลยที่ 18 (หัวหน้าสำนักปลัด)
19.จ่าเอกอำนาจ วินทะวุธ จำเลยที่ 19 (ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบรบือ)
20.นายสมคิด มะธิปะโน จำเลยที่ 20 (ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคม จ.กาฬสินธุ์)
21.นายกิตติกร ศิลป์อ่อน จำเลยที่ 21
22.นายอดิศักดิ์ อำไพรศรี จำเลยที่ 22
23.น.ส.สุพัตรา ดอกบัว จำเลยที่ 23
24.น.ส.กรชนก แสนเหนือ จำเลยที่ 24
25.นายกรกฤต บันดิษฐ์ จำเลยที่ 25
ผลการตัดสินคดีของศาลฯ
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 มีคำพิพากษาดังนี้
นายบัวลา ทัศไพร จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม มาตรา 149, 151 ประกอบมาตรา 83, 161 ประกอบมาตรา 83, 162(1) (4) ประกอบ มาตรา 83, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 มาตรา 267 วรรคสอง เป็นความผิดหลาย กรรมต่างกัน
รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี
นางณัฐฐาภรณ์ สุวรรณหาร จำเลยที่ 2 มีความผิด ตามมาตรา 149 ประกอบ มาตรา 86 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ ตามมาตรา 149 ประกอบ มาตรา 86 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุก 4 ปี
นายทรงเดช เพชรกอง จำเลยที่ 17 และนายขจรกิตต์ แดนประกรณ์ จำเลยที่ 18 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 83, 161 ประกอบมาตรา 83, 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 83, 157 เป็นกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบท
รวมจำคุก จำเลยที่ 17 และที่ 18 มีกำหนด 9 ปี
จำเลยที่ 18 ให้ การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคง จำคุก 4 ปี 6 เดือน
จ่าเอกอำนาจ วินทะวุธ จำเลยที่ 19 มีความผิดตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86, 161, 162 (1) (4) , 157 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมาย หลายบ ทให้ลงโทษตามมาตรา 151 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
รวมจำคุก จำเลยที่ 19 มีกำหนด 7 ปี
นายสมคิด มะธิปะโน จำเลยที่ 20 มีความผิดตามมาตรา 265 , 268 วรรคแรก, 149 ประกอบมาตรา 86, 161 ประกอบมาตรา 86, 162 (1) (4) ปร ะกอบมาตรา 86, 157 ประกอบมาตรา 86, 151 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 4 ปี
รวมจำคุกจำเลย ที่ 20 มีกำหนด 10 ปี
น.ส.สุพัตรา ดอกบัว จำเลยที่ 23 มีความผิดตามมาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 4 ปี และ ปรับ 20,000 บาท จำเลยที่ 23 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี และปรับ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี ให้นับโทษ จำคุกจำเลยที่ 20 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท 129/2563 จำเลยที่ 3 ในคดีอาญา หมายเลขแดง ที่ อท 133/2563 และจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อท 110/2563 ของศาลนี้
และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับ จำเลยที่ 3 ถึงที่ 16 ที่ 21 ที่ 22 ที่ 24 และที่ 25
มติ ป.ป.ช.
เบื้องต้น เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการจะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบภาค 4 ในส่วนรอการลงโทษจำเลยที่ 23
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา