Last updated: 28 ก.ค. 2565 | 3378 จำนวนผู้เข้าชม |
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'ไทยสมุทร สมงาม' อดีตนายก อบต.คำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน อำนาจเจริญ เข้ามีส่วนได้เสียในสัญญาจัดซื้อจ้างที่ทำกับ อบต. 20 โครงการ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 3 พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี 19 กระทง รวม 95 ปี แต่ติดจริง 50 ปี นับโทษต่อคดีเก่าด้วย
เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ผลคดีกล่าวหา นายไทยสมุทร สมงาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ เข้ามีส่วนได้เสียในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ทำกับ อบต.คำเขื่อนแก้ว รวม 20 โครงการ
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,152, 157 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 (1) และมาตรา 122 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 192 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาว่า นายไทยสมุทร สมงาม จำเลย มีความผิดตามมาตรา 151 , 152 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 126 (1) วรรคหนึ่ง, 168 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยแต่ละกระทงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 151 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 19 กระทง จำคุก 95 ปี รวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้ว
คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 50 ปี
และให้นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อท96/2563 ของศาลนี้
ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ อท124/2563 ของศาลนี้ เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย จึงไม่อาจนับโทษต่อได้
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2565 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 152 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา