Last updated: 10 ธ.ค. 2563 | 14984 จำนวนผู้เข้าชม |
“การแต่งกายอย่างอิสระไปโรงเรียน ไม่ใช่อาชญากรรม และไม่มีกฎหมายใดห้ามนักเรียนแต่งกายตามที่พวกเขาต้องการไปโรงเรียน” เป็นคำกล่าวของกลุ่ม Bad Student หรือ "นักเรียนเลว" และที่ผ่านมาได้ประกาศเชิญชวนให้นักเรียนใส่ชุดไปรเวตไปโรงเรียน ในวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2
“ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล” ประธานหลักสูตรปริญญาเอกนานาชาติ ด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ต้องออกมาให้ข้อมูลในหลากหลายมิติ ซึ่งอันที่จริงโรงเรียนต่างๆ ไม่ได้ให้นักเรียนแต่ง "ชุดนักเรียน" ทุกวัน เพราะบางวันที่มีการเรียนพลศึกษา หรืออื่นๆ มีการอนุญาตให้เด็กนักเรียนแต่งตัวในชุดอื่นได้บ้างอยู่แล้ว
ในขณะที่สหรัฐอเมริกาเอง กลับกำลังผลักดันให้โรงเรียนต่างๆ กำหนดให้นักเรียนได้ใส่ชุดนักเรียน เพราะมีการสะท้อนจากการศึกษาวิจัยถึงความต้องการของเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ และรายงานการศึกษาเปรียบเทียบในงานวิจัยจำนวนมาก ระหว่างโรงเรียนที่มีข้อกำหนดให้นักเรียนสวมเครื่องแบบนักเรียน กับโรงเรียนที่ปล่อยให้นักเรียนสวมใส่ชุดอะไรก็ได้ที่พวกเขาเลือก พบว่า คดีการข่มขืน การชิงทรัพย์ การปล้นทรัพย์ และการใช้กำลัง รวมถึงความรุนแรง ยาเสพติด อาวุธปืน การเกิดกลุ่มแก๊ง เพิ่มขึ้นในโรงเรียนในสหรัฐฯ ซึ่งให้นักเรียนสวมใส่ชุดอะไรก็ได้ ตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1960 ถึงต้นปี 1970
ในทางตรงข้าม กลับพบว่าคดีและความรุนแรงในโรงเรียนกลับลดระดับลงในปี 2518 เมื่อมีหลายโรงเรียนมีการออกระเบียบให้นักเรียนแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียนมาเรียน และเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะจากผลการศึกษาล่าสุดของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าชุดนักเรียนสามารถช่วยลดการโจรกรรม ความรุนแรง และผลกระทบเชิงลบของแรงกดดันจากเพื่อนที่เกิดจากนักเรียนบางคนมาโรงเรียนโดยสวมเสื้อผ้าดีไซเนอร์และรองเท้าผ้าใบราคาแพง และยังป้องกันไม่ให้การรวมตัวกันเป็นกลุ่ม หรือสมาชิกที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในโรงเรียน
“เดิมในสหรัฐฯและหลายประเทศในสหภาพยุโรป ให้อิสระแก่โรงเรียนในการอนุญาตให้เด็กนักเรียนแต่งกายชุดอะไรก็ได้มาเรียน ด้วยเหตุผลในเรื่องอากาศที่เหน็บหนาว หรือเหตุผลด้านความสะดวกสบายในการไม่ต้องรีด แต่ในการประเมินผลด้านอาชญากรรมและความปลอดภัย กลับพบปัญหามากมาย จนต่อมาอนุญาตให้มลรัฐหรือพื้นที่สามารถออกระเบียบ กำหนดชุดนักเรียนได้ และพบว่าโรงเรียนหลายแห่งประสบความสำเร็จในการลดความรุนแรงในโรงเรียน การลดจำนวนแก๊งเด็กเกเร ปัญหาการชิงทรัพย์ การล่วงละเมิดทางเพศ ยาเสพติด และปัญหาต่างๆ จนเจ้าหน้าที่ ผู้ปกครอง รวมทั้งชุมชน คณะสงฆ์ กลุ่มธุรกิจ และประชาชน กล่าวว่า ชุดนักเรียน คือ ชุดศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นสิ่งปกป้องหรือป้องกันภัยได้ในระดับหนึ่ง”
นอกจากนี้ "ชุดนักเรียน" สามารถสร้าง “เขตปลอดภัย” สำหรับนักเรียนระหว่างเดินทางไปและกลับจากโรงเรียน ร้านค้าและสำนักงาน ยังสามารถระบุได้ว่าเป็น “สิ่งห่อหุ้มร่างกายที่ให้พื้นที่ปลอดภัย” ซึ่งเด็กนักเรียนที่ใส่ชุดนักเรียนจะป้องกันพวกเขาได้ หากพวกเขาถูกคุกคาม สังคมพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือ และเป็นเครื่องแบบที่จะสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากชุมชนในการจัดการกับความรุนแรงที่เด็กนักเรียนประสบเจอ
แม้ว่าเดิมมีประเด็นว่า การแต่งชุดนักเรียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการเรียนหรือการศึกษา แต่ก็พบว่า มีประเด็นในเรื่องชุดนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชญากรรมจำนวนไม่น้อย เช่น ในลองบีชแคลิฟอร์เนีย เมื่อรัฐออกนโยบายให้โรงเรียนต่างๆ กำหนดให้นักเรียนสวมเครื่องแบบนักเรียนในบางพื้นที่ พบว่า การก่ออาชญากรรมในชุมชนลดลงอย่างมากถึงเกือบครึ่ง ตั้งแต่คดีการทำร้ายร่างกาย การใช้อาวุธทำร้าย การปล้น การพกพาอาวุธ รวมไปถึงยาเสพติด หรือแม้แต่ความผิดทางเพศ และความรุนแรงต่างๆ ในกลุ่มวัยรุ่น และในโรงเรียน
จากผลการศึกษาพบข้อเท็จจริงว่า การสวมเครื่องแบบนักเรียน ทำให้เด็กนักเรียนที่เกเร ไม่สามารถพกพาอาวุธเข้ามาในโรงเรียนเพื่อทำร้ายนักเรียนหรือคู่อริอื่นๆ ได้ง่าย และหากนักเรียนทุกคนสวมใส่เครื่องแบบนักเรียนแล้ว โรงเรียนสามารถคัดกรองบุคคลอื่นๆ ที่เป็นบุคคลภายนอก ป้องกันบุคคลที่เป็นอาชญากรอาศัยโอกาสนี้บุกรุกเข้ามาในโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาหลายโรงเรียนต้องใช้เวลาในการตรวจ คัดกรองนักเรียน เพราะเกรงว่าเด็กนักเรียนอาจพกพาอาวุธ ยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฎหมายมาในโรงเรียนเพื่อก่อเหตุ
“คดีข่มขืนและการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียนพบข้อเท็จจริงว่า การที่ปล่อยให้นักเรียนใส่ชุดอะไรก็ได้มาโรงเรียน และมีนักเรียนหญิงบางคนแต่งกายที่มีลักษณะยั่วยุให้เด็กผู้ชายล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้หญิงทั้งในและนอกโรงเรียน”
จากการสำรวจการแต่งเครื่องแบบนักเรียน กับการไม่แต่งเครื่องแบบนักเรียนของนักเรียนหญิง พบว่าหากโรงเรียนให้แต่งกายชุดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน โดยในตอนเช้าด้วยความเป็นผู้หญิงต้องตื่นเร็วกว่าปกติ เฉลี่ยประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมง เพื่ออาบน้ำ รับประทานอาหาร และเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าหรือเครื่องแต่งกาย เพราะการแต่งตัวเกี่ยวพันกับการต้องแต่งหน้าให้เข้ากับรองเท้า หรือแม้กระทั่งกระเป๋าให้เข้าเฉดสี
“มิฉะนั้นจะโดนเพื่อนล้อเลียน เพราะโดยธรรมชาติของผู้หญิงต้องรู้สึกกดดันอย่างมากที่จะต้องสวย ต้องแต่งทุกอย่างให้เข้าชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดหรือสไตล์การแต่งหน้า เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ต้องใช้เวลาแต่งหน้าและเลือกเครื่องแต่งกายมากขึ้น แทนที่จะเอาเวลาไปใช้ในการศึกษาเล่าเรียน และเห็นว่าหากโรงเรียนไม่กำหนดให้แต่งชุดนักเรียน ก็ไม่สามารถใส่ชุดนักเรียนได้ เพราะการกำหนดชุดนักเรียนทำให้การตัดสินใจเลือกชุดไปโรงเรียนง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องเครียดเรื่องเพื่อนที่อวดรวย อวดฐานะ หรือรายได้ของครอบครัว ถ้าทุกคนใส่เครื่องแบบแบบเดียวกัน จะทำให้นักเรียนมีสมาธิและให้ความสำคัญกับการศึกษามากกว่า”
เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า เครื่องแบบนักเรียนจะลดการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนของรัฐหลายแห่ง ลดการชิงทรัพย์ ยาเสพติด การล่วงละเมิดทางเพศ เพราะในความเป็นจริง คดีทางเพศเกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าที่ยั่วยุทางเพศ เนื่องจากหนึ่งในแฟชั่นของเด็กวัยรุ่น นิยมสวมใส่เสื้อผ้าที่แสดงสัดส่วนของร่างกายสามส่วน นั่นคือ หน้าอก ท้อง หรือกางเกงที่สั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งกายของนักเรียนหญิงมักได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวัฒนธรรมสมัยนิยม ซึ่งแสดงให้เห็นภาพของธรรมชาติและค่านิยมความเป็นผู้หญิง คือผู้หญิงที่แทบไม่สวมเสื้อผ้าซ้ำๆ
รวมไปถึงก่อให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งจากการเหยียดหยาม ระหว่างเด็กนักเรียนที่ต่างสถานภาพทางเศรษฐกิจ และเครื่องแบบนักเรียนยังลดปัญหาการลักทรัพย์ เนื่องจากนักเรียนทุกคนจะสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน ไม่ต้องถูกขโมยเสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องประดับ เพราะเครื่องแบบจะทำให้นักเรียนทุกคนรู้สึกถึงความเท่าเทียมกัน และค่าเสื้อผ้าของนักเรียนอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง
ในกรณีนักเรียนไม่ได้อยู่ในสถานภาพทางเศรษฐกิจเดียวกัน ซึ่งการกำหนดให้ใส่ชุดนักเรียนจะช่วยขจัดความเครียดนี้ได้ และการที่โรงเรียนกำหนดชุดเครื่องแบบนักเรียนในราคาประหยัด จะช่วยลดปัญหาการกลั่นแกล้งนักเรียนที่อ่อนแอกว่า หรือไม่มีเสื้อผ้าแบรนด์เนม และลดการฆาตกรรม เนื่องจากชุดนักเรียนไม่อาจซ่อนอาวุธได้ง่าย
ในส่วนผู้ปกครอง แน่นอนว่า ผลการศึกษาระบุเช่นกันว่า ต้องการให้เด็กนักเรียนแต่งชุดนักเรียน เพราะช่วยให้มีความพร้อมสำหรับการเรียน และเชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาการไปมั่วสุมกับเพื่อนเลว เพราะสามารถตรวจสอบได้ง่าย และครูบางคนเชื่อว่านโยบายดังกล่าวช่วยสร้างบรรยากาศทางวิชาการที่เอื้อต่อการเรียนรู้มากขึ้น และนักเรียนที่มีฐานะทางบ้านไม่ดี จะไม่ถูกดูถูกจากเพื่อนที่มีเงินมากกว่าอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจากไทยรัฐออนไลน์